บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ตีหัวคพวกแกมมอน[02]

ในบทความ “ตีหัวคน[01]” ผมได้เกริ่นนำคร่าวๆ ไปแล้วว่า ชีวิตในวัยเด็กของผมเป็นยังไงบ้าง คือ มีเรื่องชกต่อยกับเพื่อนตลอด 

อย่างไรก็ดี ผมเป็นเด็กเรียนดีด้วย  คือ ว่างก็อ่านหนังสือ ซักพักเพื่อนหาเรื่องมาให้ ผมก็ไปจัดการเรื่องของเพื่อนก่อน  แล้วก็มาอ่านหนังสือต่อ

ความเรียนเก่งของผม ไม่ได้รู้เฉพาะในหมู่บ้าน โด่งดังไปทั่วในละแวกนั้น 

มันเป็นเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของคนแถวนั้น คือ ผมเรียนเก่งด้วย แล้วก็หนีโรงเรียนเก่งด้วย

ผมหนีโรงเรียนเป็นประจำ  แต่ถ้าเมื่อไหร่ ผมได้ไปนั่งเรียนนานๆ  ผมจะสอบได้ที่หนึ่งเสมอ  ขนาดขาดเรียนบ่อยๆ ผมก็จะติด 1 ใน 5 ของชั้นเรียนมาโดยตลอด

วันหนึ่งผมจำได้ว่า “เปี๊ยกเช้า” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “เปี๊ยกเพียร” ต้องการจะทดสอบความคิดเร็วของผม พี่เปี๊ยกเช้า-เพียรนี่ แกเรียนพาณิชย์  แกก็เรียกผมไปที่บ้านแก  พ่อของแกคือ ลุงเช้า ขายกาแฟอยู่บนเขื่อน

แกก็เขียนเลขมาประมาณ 10 -20 ตัว เป็นเลข 2 หลักบ้าง 3 หลักบ้าง  พูดง่ายแกออกโจทย์ของแกเอง ผมห้ามดูโจทย์ แต่แกก็เขียนต่อหน้าผมนั่นแหละ แล้วแกก็เอาลูกคิดของแกมาเตรียมไว้

กติกาการแข่งขันก็คือ แกจะบวกเลขที่แกออกโจทย์ไว้ด้วยลูกคิด [ตอนนั้น แถวบ้านผมยังไม่มีเครื่องคิดเลข ไม่รู้ว่าเครื่องคิดเลขผลิตขึ้นมาหรือยัง]  ส่วนผมต้องคิดในใจของผมเอง

เพื่อนๆ มารุมดูกันเยอะ 

พอแกเริ่มจับเวลาให้คิดได้  ผมก็เห็นแกดีดลูกคิดไปมา  ส่วนผมบวกเลขเสร็จก็เขียนไว้  แกดีดลูกคิดเสร็จก็มาดูตัวเลขที่ผมบวกไว้  เพราะ ผมคิดเสร็จก่อนแกตั้งนาน ปรากฏว่า ผมถูกทุกครั้ง ส่วนแกผิดบ้าง ถูกบ้าง

ตั้งแต่นั้นมา แกไม่เคยทดลองความฉลาดของผมอีกเลย  ถ้าท่านผู้อ่านถามว่า ทำไมผมคิดเลขเร็วขนาดนั้น  เรื่องนี้มันมีสาเหตุเหมือนกัน

แม่ผมขายผัก-กับข้าว-ผลไม้อยู่ในตลาด  ลูกค้าส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนใหญ่เลย จะเซ็นไว้ก่อน สิ้นเดือนจ่ายกันครั้งหนึ่ง  แม่ผมก็จะจดใส่บัญชีไว้  ทุกๆ สิ้นเดือน ผมจะมีหน้าที่บวกเงินในบัญชีนั้น 

แรกผมก็บวกธรรมดา ค่อยๆ บวกไปที่ละ 10 รายการ แต่มันเสียเวลานานมาก เสียเวลาเล่นของผมด้วย เพราะ คนที่ซื้อของแม่มีเป็นร้อยคน

ตอนมาระยะหลังๆ  ผมจึงบวกเลขจากหน้าไปหลัง คิดทดเลขไปทีเดียวเลย  คือ ไม่ใช่บวกจากหลังมาหน้าทีละหลัก ทำแบบนั้นมันเสียเวลา

ผมบวกเลขทีเดียวทั้งหน้าบัญชี จากหน้าไปหลัง ทำอย่างนี้มาเป็นปีๆ  แล้วเลขที่พี่เปี๊ยกเช้า-เพียรแกออกโจทย์มา มันแค่ 10 -20 ตัว  หมูชัดๆ 

ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า เอาเรื่องพี่เปี๊ยกเช้า-เพียรมาพูดถึงทำไม  ที่ต้องเอามาพูดถึงก็เพราะ แกเป็นคนชวนผม ไปตีหัวเขา  วันที่ตีหัวเขานี่ ประมาณวันที่ 1 เมษาของปีนั้น 

ที่จำได้ก็เพราะ วันรุ่งขึ้นคนในหมู่บ้านเขาไปเกณฑ์ทหารกันที่ตัวจังหวัด  อำเภอเมืองชัยนาทจะเกณฑ์ทหารประมาณวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี

พี่เปี๊ยกเช้า-เพียรนี่  เช้าคือชื่อพ่อแก  ส่วนเพียรคือชื่อเมียแก พี่เพียรก็เป็นญาติผู้พี่ของผมเอง ที่หมู่บ้านมีหลายเปี๊ยก  ตอนยังไม่แต่งงานแกก็เป็นเปี๊ยกเช้า  แต่งานแล้ว แกก็เป็นเปี๊ยกเพียร

กลับมาเข้าเรื่องตีหัวคน ขอให้ดูภาพก่อน


ขอให้ดูภาพประตูน้ำก่อน เส้นสีแดงนั้น คือ ขอบอ่างเดิม อ่างจะลาดเอียงประมาณ 45 องศา  คนใจถึงบ้าๆ สามารถขี่จักรยานลงไปได้  ถ้าพลาดท่าเสียทีก็ตกน้ำไป

โครงการชลประทานบรมธาตุมีนโยบาย “กระชับพื้นที่อ่าง” คือ ทำอ่างใหม่อย่างที่เห็นในภาพ นั่นคือ อ่างใหม่ที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว 

ตรงลูกศรน้ำเงินนั้นคือ บ้านน้าเหลียว  ส่วนลูกศรสีเขียวคือ บ้านไอ้นัส  มันชื่อมนัส แต๋ตวง เป็นเพื่อนผมตั้งแต่ ป. 1 - ป. 7

ตอนไปเรียนมัธยมที่โรงเรียนวิชัยบำรุงราษฎร์ ((โรงเรียนชายประจำจังหวัด)  ผมเรียนอยู่ห้อง ก. ห้องเก่งที่สุด  ไอ้นัสมันไปอยู่ห้อง ข.  แต่ก็ยังสนิทสนมกันเหมือนเดิม เพราะ ผมไปนอนบ้านมันเป็นประจำ

บ้านมันกับบ้านผมก็อยู่ใกล้กัน แต่ผมมักจะแรดไปนอนกับเพื่อนๆ อยู่เสมอ  แม่เคยด่าเป็นประจำว่า “ถ้ามึงเป็นผู้หญิง ฉีกผ้าอ้อมไม่ทัน

สำหรับวงกลมสีแดง คือ สถานที่เกิดเหตุอยู่แถวนั้น คือ ระหว่างบ้านไอ้นัสกับบ้านน้าเหลียว  ทั้งสองบ้านนี้ เป็นญาติกัน

บริษัทที่ประมูลการ “กระชับพื้นที่อ่าง” คือ บริษัท Gammon ตอนนี้บริษัทนี้ก็ยังคงมีอยู่  ยังไม่เจ๊ง

เมื่อประมูลได้แล้ว  คนงานของบริษัทก็เข้ามาเริ่มงาน  การเข้ามาทำงานของ บริษัท Gammon นั้น เป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับวัยรุ่นรุ่นพี่ในหมู่บ้าน

ผมเองไม่เคยสนใจว่า ใครจะไป ใครจะมา เพราะ เรียนอยู่ ม.ศ. 3 ก็นับว่าเป็นเด็กมาก ผมก็เรียนหนังสือของผมไป ตอนนั้น การต่อยกับเพื่อนในหมู่บ้านไม่มีแล้ว

พวกรุ่นพี่ทั้งหลาย เขาไปมีเรื่องกับพวกพนักงานของ บริษัท Gammon ตั้งแต่เมื่อไหร่ผมก็ไม่รู้เรื่อง

วันที่เกิดเหตุนั้น ผมนั่งอยู่ในตลาดจนดึก ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย คือ ในตลาดเขามีโทรทัศน์ให้ดู  บ้านผมไม่มี  ผมก็เลยเตร็ดเตร่อยู่ในตลาด 


 ตรงลูกศรสีแดงคือ บ้านผม ลูกศรสีเหลืองคือ ตลาดสำหรับขายของ  ตลาดบรมธาตุจะมีห้องแถว 2 แถว  ตอนกลางจะเป็นตลาดขายของ ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว เพราะ รื้อออกไปหมดแล้ว

ลูกศรสีขาวคือ ที่เกิดเหตุ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น