บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ขาย-บริจาคเลือด[1]

ผมบริจาคเลือดครั้งแรกที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์ ตอนนั้นเรียนอยู่ ป.กศ. ต้น ปี 2  หลักสูตรเขามี 2 ปีเท่านั้น

ที่บริจาคเลือดครั้งนั้น  ไม่ได้คิดว่าจะช่วยเหลือคนป่วย คนเจ็บอะไรหรอก  นักศึกษาพยาบาลที่มาทำหน้าที่รับบริจาคเลือด 

สวยจริงๆ สวยทุกคน

สวยกว่าสาววิทยาลัยครูที่ผมเรียนอยู่มาก ผมก็เลยไปบีบคอเพื่อนให้ไปเป็นเพื่อนด้วยได้อีกหลายคน

มานึกๆ ถึงตอนนี้  การตลาดของกาชาดนครสวรรค์นั้นเฉียบขาดจริงๆ

ก่อนที่จะหลวมตัวไปบริจาคเลือดเพราะความสวยของนักศึกษาพยาบาลในครั้งนั้น  ผมเคยขายเลือดมาก่อน ประมาณ 3-4 ครั้ง  จึงจะขอเล่าไปในคราวเดียวกัน

ขอบอกก่อนว่านี่เป็นเหตุการณ์ประมาณปี พ.ศ. 2514-15 ตอนนั้น ผมยังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 อยู่

ช่วงนั้น พวกเพื่อนๆ ในขบวนการนักเลงอันธพาลของผมนั้น ดื่มเหล้าเป็นบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่นัก 

การไปขายเลือดเพื่อหาเงินนั้น  ส่วนใหญ่จะหาเงินไปดูหนังที่ตาคลี หรือไปเที่ยวกันในที่ต่างๆ มากกว่าจะไปกินเหล้า

ในบางครั้งก็มีเหมือนกัน มีเพื่อนสมาชิกอยากจะกินเหล้า  คนที่มีเลือดดีๆ ขายง่ายๆ ก็ต้องไปเสียสละในการขายเลือด เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงเหล้าเพื่อน

ไม่รู้จะได้บุญ ได้บารมีกันหรือเปล่าก็ไม่รู้  กิจกรรมขายเลือดเพื่อเลี้ยงเหล้าเพื่อนนี่

โรงพยาบาลที่รับซื้อเลือดนั้น เป็นโรงพยาบาลเอกชน อยู่ที่อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท  เราจะเรียกกันว่า โรงพยาบาลมโนรมย์

ในแต่ละวันนั้น เลือดของโรงพยาบาลจะไม่พอใช้  จึงจะตั้งป้ายไว้เลยว่า วันนี้ต้องการเลือดกรุ๊ปไหนเท่าไหร่

กรุ๊ป O จะต้องการมากที่สุดในแต่ละวัน  ถ้าใครมีเลือดกรุ๊ป O ต้องการไปขายเลือด รับรองได้ขายแน่ๆ  กรุ๊ป A กรุ๊ป B จะรับซื้อน้อยลงมา  ส่วนกรุ๊ป AB นั้น รับซื้อน้อยที่สุดในแต่ละวัน

วันแรกของการขายเลือดของผมนั้น จำได้ว่า เพื่อนต้องการเงินไปเที่ยว หรือกินเหล้าก็ไม่แน่ใจ แต่แม่ไม่ให้เงินแล้ว  ถึงคราวผมที่ต้องเสียสละมั่ง

ผมยังจำบรรยากาศของการตรวจกรุ๊ปเลือดได้เป็นอย่างดี  และผมรู้ว่าเลือดผมกรุ๊ปอะไร ก็เพราะการขายเลือดนี่แหละ

เจ้าหน้าที่ที่น่าจะเป็นแพทย์  ตรวจเลือดผมเสร็จ  แกก็บอกว่า “เลือดพระ” กรุ๊ป O ผมก็ยิ้มๆ เพราะ ได้ขายเลือดแน่ๆ  กองเชียร์ที่อยากได้เงินจากเลือดผม ก็ยิ้มหน้าบานกันไปด้วย

พ่อค้าขายเลือดคนต่อไป เจ้าหน้าที่บอกว่า “เลือดหมา” ผมได้ยินยังตกใจเลยว่า ทำไมพูดอย่างนั้น พ่อค้าท่านนั้น เลือดของท่าน กรุ๊ป AB

เลือดกรุ๊ป O ให้คนอื่นได้ทั้งหมด แต่รับเลือดได้เฉพาะกรุ๊ป O  ท่านเลยเรียกว่า “เลือดพระ”
เลือดกรุ๊ป AB รับเลือดคนอื่นได้ทั้งหมด แต่ให้เลือดได้เฉพาะกรุ๊ป AB  ท่านเลยเรียกว่า “เลือดหมา”

สมัยนี้ต้องเรียกว่า “เลือดนักการเมือง”

สรุปแล้ว ผมผ่านการคัดเลือกให้ขายเลือดได้  ผมไปขึ้นเตียง ทำขั้นตอนของการบริจาคเลือด เสร็จแล้ว หมอให้ดื่ม “หัวน้ำส้ม” 1 แก้ว  ไม่พอขอเบิ้ลได้

ขอสารภาพเลยว่า เป็นหัวน้ำส้มที่อร่อยที่สุด เท่าที่เคยดื่มมาในชาตินี้ 

การไปขายเลือดหนหลังๆ ก็เพราะ อยากกินหัวน้ำส้มที่ว่านี่แหละ เป็นเหตุผลรองจากอยากได้เงิน

เงินที่ได้จากการขายเลือดในยุคนั้นก็คือ 100 บาท  สมัยนั้น ก็มากพอสมควร

ครั้งสุดท้ายที่ผมไปขายเลือดให้โรงพยาบาลนี้ ปรากฏว่า ผมได้ดื่มน้ำส้มแฟนต้า  ผมจึงหมดกำลังใจที่จะไปขายเลือดต่อไป

ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมไปสอบบรรจุไปครูได้  กิจการขายเลือดจึงเลิกไปโดยปริยาย

มีครั้งหนึ่ง ผมแปลกใจมาก เพราะ เพื่อนพ่อค้าขายเลือดคนหนึ่ง เป็นคนวัยกลางคนแล้ว ท่าทางก็น่าจะมีอาชีพทำแล้ว  รูปร่างท่านอ้วนพอสมควร

ผมเป็นคนชอบถามคน ชอบถามในสิ่งที่ไม่รู้  ผมก็เลยถามว่า “พี่ เงินไม่พอใช้หรือไง”

ท่านพี่ท่านก็ยิ้มๆ แล้วอธิบายว่า  ท่านเป็นโรคความดันโลหิตสูง  ในการมาขายเลือดนี่ นอกจากจะได้เงินแล้ว  เมื่อเลือดออกไป ความดันท่านลดลงด้วย

เป็นการรักษาโรคความดันโลหิตสูงที่ฉลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาจริงๆ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น