บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ช่วยเด็กจมน้ำ[1]

เหตุการณ์ตอนนี้ จำได้ว่า ผมย้ายมาเป็นครูที่โรงเรียนบ้านเขาดิน อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรีแล้ว 

ผมสอนที่โคกสำโรง แต่ผมมาอาศัยบ้านพักชลประทานอยู่ที่สะพาน 7  ตอนเช้าก็นั่งรถโดยสารไปสอน เย็นก็กลับมาพักที่นี่

เหตุการณ์เด็กจมน้ำนี้ เกิดที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จังหวัดสระบุรี

ก่อนที่จะเล่าถึงเรื่องช่วยเด็กจมน้ำ เด็กคนนี้จมน้ำจริงๆ ไม่ใช่ตกน้ำ  ต้องปูพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างน้ำกับผมสักเล็กน้อย

ผมว่า ผมว่ายน้ำเก่งกว่า “เซี่ยวฮื้อยี้” เจ้าลูกปลาน้อย  ชีวิตนี้ ผมคิดว่า ผมไม่ตายเพราะน้ำจากแหล่งน้ำใดๆ แน่ๆ   ยกเว้นน้ำท่วมปอด

เรื่องน้ำท่วมปอด มันมีเรื่องเล่าว่า  ผู้ชายคนหนึ่ง ถูกหมอดูทำนายว่า เขาจะตายเพราะน้ำ  พี่ท่านนี้ ก็ไม่ยอมอยู่ใกล้น้ำใดๆ  ไม่เดินทางทางเรือเด็ดขาด

อย่างไรก็ดี  หมอดูท่านดูได้แม่นมาก เพราะ พี่ท่านนี้ ตายเพราะน้ำท่วมปอดในโรงพยาบาล

ที่หมู่บ้านของผมนั้น  ไม่มีใครที่ว่ายน้ำไม่เป็น ผมว่ายน้ำเป็นตั้งแต่ยังไม่เข้าโรงเรียน

สภาพชีวิตมันต้องเป็นเช่นนั้น คือ ยุคนั้น ไม่มีน้ำประปา ทุกคนในหมู่บ้านต้องมาอาบน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำก็อยู่ที่หน้าตลาด

ส่วนใหญ่ก็จะมาอาบน้ำในเวลาไล่เลี่ยกัน  ผู้ใหญ่อาบน้ำ เด็กๆ ก็ว่ายน้ำอยู่แถวนั้น ผู้ใหญ่คนไหน เขาเห็นแววว่า เด็กคนไหนจะว่ายน้ำได้แล้ว เขาจะอุ้มแล้วก็เหวี่ยงเด็กคนนั้นให้ไปที่น้ำลึกๆ

เด็กจะหัดว่ายที่ตื้นๆ

ผมก็โดนอย่างนั้น โดนจับเหวี่ยงไปอย่างนั้น ก็ตาลีตาเหลือกว่ายเข้าฝั่ง สำลักน้ำมั่ง ตกใจมั่ง ไม่มีใครว่ากัน

เพราะทุกคนจะโดนอย่างนี้กันทั้งนั้น  เป็นวิธีการสอนว่ายน้ำที่โหดพิลึก

หลังจากที่ว่ายน้ำเป็นแล้ว ชีวิตในวันหยุดของผม จะอยู่ในน้ำครึ่งหนึ่ง อยู่บนบกครั้งหนึ่ง 

เท่าที่จำได้แม่น  มีอยู่ปิดเทอมครั้งหนึ่ง ปิดเทอม 3 เดือน  ทั้ง 3 เดือนนั้น ผมไม่เคยเปลี่ยนเสื้อกับกางเกงเลย  ตอนนั้นอายุน่าจะประมาณ 7-8 ขวบ

เสื้อเป็นเสื้อกันหนาวสีน้ำตาล  เมื่อใดที่ผมรู้สึกว่าร้อนแล้ว  ผมก็จะโดดลงไปในแม่น้ำ เล่นอยู่คนเดียว  ดำน้ำให้ลึกลงไปให้ถึงพื้นดิน  น้ำเย็นดี ไม่ต้องหนีไปเข้าห้างเหมือนสมัยนี้

พอเย็นอกเย็นใจดีแล้ว  ก็ขึ้นบก ไปไหนต่อไหน จนเสื้อผ้าแห้ง  ร้อนเมื่อไหร่ก็ลงไปอยู่ในน้ำอีก

เมื่อสักปีที่ผ่านมา มีหนังสือออกมาขายว่า เด็กไทยจมน้ำตายมากที่สุดในโลก ผมไม่เคยแปลกใจเลย ก็ธรรมชาติของคนไทยเราเลี้ยงลูกกันอย่างนี้

ผมเองนั้น ไม่ใช่ว่าแม่จะไม่ใส่ใจ แต่แม่ต้องทำมาหากินเลี้ยงลูก 5 คน  ใครจะมีเวลามาสนใจลูกบางคนได้

แม่ผมพูดให้ได้ยินเสมอๆ ว่า “ตายฝัง ยังเลี้ยง”  อย่างไรก็ดี ตลอดเวลาที่แม่มีชีวิตอยู่ พี่น้องผมไม่มีใครตาย 

แม่ตายก่อนที่น้องชายผมจะผูกคอตายหลายปี

ชีวิตของผมชอบเล่นน้ำอย่างนั้น ในกลุ่มเพื่อนทั้งหมด ผมจึงว่ายน้ำเก่ง และดำน้ำเก่งที่สุด คนที่ยืนยันได้ดีที่สุดคือ “ไอ้เบิ้ม”  ชื่อจริงของไอ้เบิ้มก็คือ สมชาย มารศรี

วันนั้น ผมเล่นแอ๊ดสะไพน้ำกัน

ในฐานะที่เรียนมาทางภาษาศาสตร์ ผมสงสัยว่า คนที่ตัวจังหวัดชัยนาทเดิม คือ ที่บ้านของผม น่าจะโยกย้ายไปจากภาคอีสาน เพราะ ศัพท์ที่ใช้ตรงกับภาคอีสานมากกว่า จังหวัดใกล้เคียง เช่น สิงห์บุรี ลพบุรี

แอ๊ดสะไพก็คือ การเล่นซ่อนหา ซ่อนแอบนั่นแหละ ผมมาพบศัพท์นี้ที่โคราช ผมยังแปลกใจเลยว่า ทำไมใช้ศัพท์เหมือนกัน

ในเมื่อบ้านอยู่ริมแม่น้ำ มันก็ต้องมีแอ๊ดสะไพน้ำ มันถึงจะมัน 

แอ๊ดสะไพบนบกถือเป็นระดับอนุบาล  แอ๊ดสะไพน้ำ ถึงจะเป็นกีฬาระดับมหาวิทยาลัย 

แอ๊ดสะไพน้ำ เราจะเล่นกันตอนที่ผักตบชะวาลอยลงมาจากเหนือ  ไม่อย่างนั้น มันจะไม่มีที่ให้แอบกัน

แอ๊ดสะไพน้ำนี่ ต้องอาศัยการคำนวณอย่างมาก  คำนวณไม่ดีอาจถึงตายได้ 

ที่ว่าถึงตายได้มันเป็นอย่างนี้  การเล่นแอ๊ดสะไพน้ำ เราจะต้องดำน้ำเพื่อไป “ป็อก” ไอ้คนเป็นให้ได้  การดำน้ำก็ต้องคำนวณให้ไปโผล่ตรงช่องว่างๆ ที่ไม่มีผักตบชวา

หลายครั้งหลายหนเลยที่คำนวณผิด  มันไม่โผล่ที่ช่องว่าง แต่ไปติดที่กอผักตบชวา มันหนามาก

ลมที่กลั้นหายใจมาก็จะหมด  ก็ต้องดำลงไปให้ถึงดิน  แล้วพุ่งสุดตัว หัวก็จะผ่ากอผักตบมาได้

ตาเหลือกกันเลยนั่นแหละ  นี่คือ ความมันของการเล่นแอ๊ดสะไพน้ำ 

พวกผมไม่มีใครตายเพราะเล่นแอ๊ดสะไพน้ำ อย่างมากก็สำลักน้ำกันหูตาเหลือกไปเท่านั้น

วันนั้นเย็นแล้ว เกือบค่ำ แต่เรายังเล่นกันไม่เลิก

ไอ้เบิ้มมันเป็นคนเป็น  มันแอ๊ดสะไพคนอื่นไปหมดแล้ว  เหลือผมคนเดียว  มันรู้ด้วยว่า ผมอยู่ตรงไหน

ผมอยู่ตรงสะพานท่าน้ำ  ไอ้เบิ้มมันแต้มแก่ เล่ห์เหลี่ยมมาก ไปยืนอยู่บนเรือที่เขาคว่ำไว้ คือ มันไม่ได้อยู่ในน้ำ

ผมอยู่ห่างจากไอ้เบิ้มหลายสิบเมตร เส้นทางคดโค้ง  ผมจะต้องไปป็อกมันให้ได้ 

ไอ้เบิ้มมันสบายใจอยู่แล้วว่า ผมไม่มีทางป็อกมันได้  เพราะ มันยืนอยู่บนเรือ ไกลจากผมด้วย มันหันหน้ามาทางที่ผมอยู่ ไซโคมาเรื่อยๆ ว่า “กูรู้ว่ามึงอยู่ตรงไหน”

ผมดำน้ำอ้อมเรือที่มันอยู่  ค่อยโผล่ไปข้างหลังมัน แล้วป็อกมันได้  เป็นการดำน้ำที่ไกลมาก

ทุกวันนี้ ไอ้เบิ้มมันยังคงยืนยันว่า ผมดำน้ำเก่งสุดๆ มันยังงงไม่หายว่า “มึงดำมาได้ยังไงวะ”




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น