บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

หนีโรงเรียน[1]

ผมไม่รู้ว่า กินเนสส์บุ๊ก (Guinness Book of World Records) จะมีการบันทึกเด็กที่หนีโรงเรียนอายุน้อยที่สุดในโลกหรือไม่ 

ถ้ามี ผมว่าผมได้สิทธินั้นแน่ๆ 

ผมหนีเรียนเป็นตั้งแต่อยู่ ป. 1 ตอนนั้นโรงเรียนอนุบาลยังไม่มี  ผมเข้าเรียน ป. 1 เมื่ออายุ 6 ขวบ  เข้าเรียนได้ประมาณเดือนหรือสองเดือน ผมก็หนีโรงเรียนเป็นแล้ว

ครั้งแรกของชีวิตที่หนีโรงเรียนก็เป็นเพราะ “ไอ้เล็กน้อย” ญาติผู้พี่ของผม เป็นคนชวน

ไอ้เล็กน้อยนี่ เวลาออกเสียง เราจะออกเสียง “ไอ้เล็ก” ไปก่อน แล้วหยุดนิดหนึ่ง แล้วจึงออกเสียงว่า “น้อย”

เราจะไม่ออกเสียงเล็กน้อยติดกัน (เรื่องนี้อธิบายได้ในทางหลักภาษาศาสตร์ แต่เห็นว่าจะเว่อเกินไปหน่อย เลยละไว้)

ที่ต้องเรียกแบบนั้น ก็เพราะ ในบ้านของ “ไอ้เล็กน้อย” นั้น มี “ไอ้เล็กโต” อีกคนหนึ่ง

คือ ลุงกับป้าของผมนั้น คิดว่า “ไอ้เล็กโต” เป็นคนสุดท้องแล้ว  จึงตั้งชื่อว่า “เล็ก”  แต่ไอ้เล็กน้อย ดันทะลึ่งมาเกิดอีก  จึงต้องตั้งชื่อลูกแบบนั้น

ในหมู่บ้านผมนั้น ยังมี “ไอ้เล็กจุ่น” อีกคนหนึ่ง  คนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกับผมเอง  อี๊จุ่นแม่ของไอ้เล็ก เป็นน้องสาวของแม่ผม

ไอ้เล็กน้อย มันเรียนอยู่ในตัวจังหวัดชัยนาท  มันต้องนั่งเรือไปเรียน  เตี่ยของไอ้เล็กน้อยเป็นคนมีเงิน   คนมีเงินในหมู่บ้านจะนิยมส่งลูกไปเรียนในตัวจังหวัด

วันนั้น ไอ้เล็กน้อยไม่ไปเรียนหนังสือ  มันดักรอผม ระหว่างที่ผมจะเดินไปโรงเรียน แล้วชวนผมไปเล่นในป่าหน้าโรงเรียน

ป่าที่หน้าโรงเรียนนี้ ห่างจากโรงเรียนไม่กี่ถึงร้อยเมตร  แต่ก็เป็นป่าทึบมาก ติดกับตลาด ในป่ามีศาลาเล็กๆ ที่พระไม่ใช้แล้วอยู่ศาลาหนึ่ง


ทางเดินเข้าไปที่ศาลารกมาก เด็กธรรมดาเขาไม่กล้าเข้าไปในป่านี้ 

หลังคาของศาลา เสาของศาลาไม่อยู่แล้ว อยู่แต่พื้นของศาลา จึงมีที่ว่างให้ผมกับไอ้เล็กน้อยไปเล่นได้ทั้งวัน  เล่นกัน 2 คน

ที่จำได้ก็คือ เล่นปั่นลูกข่างอย่างเดียว อย่างอื่นจำไม่ได้แล้ว 

ผมเล่นอยู่จนโรงเรียนเลิก  เพื่อนๆ ที่เรียนหนังสือก็เดินกลับบ้าน

ผมก็คว้ากระเป๋าเดินกลับบ้านกลับเพื่อน  พร้อมทั้งขู่ด้วยว่า ห้ามไปบอกแม่ผม  “ใครบอกเจอต่อย”

วันรุ่งขึ้น  ไอ้เล็กน้อยมันก็ไปโรงเรียนของมัน  ผมเดินไปโรงเรียน ผมก็เลี้ยวไปเล่นในป่าของผมคนเดียว 

ผมเล่นคนเดียวอยู่นานมาก  ไม่รู้กี่วัน  โรงเรียนเลิกผมก็เลิกกับเขาด้วย  คือ แม่เห็นผมไปโรงเรียนทุกวัน  แต่ผมไม่ถึงโรงเรียนสักวัน

ผมจำไม่ได้แล้วว่า  ผมไปเข้าเรียนได้อย่างไร  เพราะ ครั้งหลังๆ ที่ผมหนีโรงเรียน ครูเคยสั่งให้นักเรียนห้องผม มาไล่จับผมไปเรียนมาทีหนึ่งแล้ว  ซึ่งจะเล่าให้ฟังทีหลัง

แต่ผมก็หนีโรงเรียนจนเป็นประจำ จนกระทั่งเรียนถึงปริญญาตรีนั่นแหละ  ตอนเรียนปริญญาโทกับปริญญาเอกนี่ ไม่เคยหนีมหาวิทยาลัยแม้แต่ครั้งเดียว

ผมหนีโรงเรียนจนกระทั่งขึ้นชื่อ ใครๆ ก็รู้  เวรกรรมมาถามหาตอนที่จะขึ้น ป. 2 

จำได้ว่า ตอนเปิดเรียนที่จะขึ้น ป. 2 เพื่อนของผมคนหนึ่ง ทะลึ่งทำหน้าที่แทนครูมาบอกผมว่า “มึงสอบตก”  พร้อมให้เหตุผลแบบเด็กๆ ของมันว่า “มึงหนีโรงเรียนเยอะ”

ผมก็เป็นเด็กมีเหตุผลเหมือนกัน  รับผิดชอบเหมือนกัน  เมื่อเพื่อนบอกว่าสอบตก  ผมก็นั่งเรียนของผมอยู่ ป. 1 เหมือนเดิม  เพื่อนๆ เขาไปเรียน ป. 2 กันหมด

โรงเรียนในตอนนั้น อาศัยศาลาการเปรียญของวัดพระบรมธาตุ ชั้นแต่ละชั้นก็อาศัยอยู่แต่ละมุมของศาลาการเปรียญ  ท่องอาขยานทีหนึ่ง ก็ต้องแหกปากตะโกนแข่งกับห้องอื่นๆ ไปด้วย

ผมมีเพื่อนใหม่ของผม ผมก็มีความสุขไปอย่างหนึ่ง ไม่เห็นจะต้องขึ้นชั้นให้เสียอารมณ์  เพื่อนใหม่ของผมที่จำได้มีคนเดียวคือ “ไอ้ชาติ”

ไอ้ชาตินี่ มันมีเอกลักษณ์ในการอ่าน ก ไก่ ขอ ไข่  ไอ้ชาติมันออกเสียงไม่ได้  ไอ้ชาติมันจะออกเสียงเป็น  “ก กั่ง ข ขั่ง”

ผมเรียนอยู่ ป. 1 ประมาณ 2 สัปดาห์หรือถึงเดือนหนึ่งนี่แหละ  ครูอรุณี ครูประจำชั้น ป. 2 มาตามผมถึงห้อง  บอกให้ผมไปเรียน ป. 2

ผมยังบอกครูอรุณีว่า “ผมสอบตก ผมต้องอยู่ ป. 1”

ครูอรุณีต้องลากแขนผมไป ป. 2 ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของศาลา  ให้ผมไปนั่งโต๊ะของผม  แต่ผมไม่โผล่หัวมาตั้งนาน

ผมจำไม่ได้ว่า ใครเป็นคนที่บอกว่าผมสอบตก  ถ้าจำได้จะไปเขกกบาลมันสักทีหนึ่ง เสือกทำตัวเป็นครู  แล้วผมก็เชื่อมันเสียด้วย

เหตุผลของมันดีจริงๆ ที่ว่า  ผมสอบตกเพราะหนีโรงเรียน  ผมก็หนีโรงเรียนจริงอย่างที่มันว่าซะด้วย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น