บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ตีหัวพวกแกมมอน[01]

ในชีวิตการเป็นวัยรุ่นของผม ผมทำร้ายร่างกายคนมาหลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่ค่อยได้นับว่า “เป็นสถิติไว้” เรียกว่า ถ้ามีงานที่ไหน ผมไปเที่ยว และเพื่อนของผมพบ “โจทก์” ของมัน

รับรองได้ว่า ผมได้มีโอกาสทำร้ายคนค่อนข้างแน่

ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ตั้งแต่มีเรื่องมีราวกันมา ผมไม่ค่อยได้ไปหาเรื่องด้วยตนเองซักที  ส่วนใหญ่เพื่อนมันไปมีเรื่องกับเขามาก่อน แล้วลากผมเข้าไปภายหลัง

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ  ผมเป็นเด็กเรียนเป็นส่วนใหญ่ โอกาสที่ไปหาเรื่องใส่ตัวจึงมีน้อย เพื่อนๆ ที่รักทั้งหลาย ไม่เรียนบ้าง เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง พวกมันจึงขยันไปหาเรื่องมาให้พวกพ้องเป็นประจำ

นักเลงวัยรุ่นในสมัยผมนั้น เขาจะเรียกกันว่า “จิ๊กโก๋”  กวนตีนชาวบ้านร้านตลาดเข้าไปทั่ว แต่ก็อย่างที่เคยบอกไปแล้ว   “จิ๊กโก๋” รุ่นนั้น เราก็มี “จริยธรรม” ของเราคือ ตีรันฟันแทงกับพวกที่สมัครใจเป็น “จิ๊กโก๋” ด้วยกัน

คนดีเราก็ไม่ไปยุ่งกับเขา..

ในกลุ่มเพื่อนที่เป็น “จิ๋กโก๋” นั้น มีระดับความเลวก็มีแตกต่างกันไป

ยกตัวอย่างเช่น ผมน่าจะเป็นตัวอย่างของวัยรุ่นกวนเมืองที่ดีที่สุดในยุคนั้น เพราะ ผมไม่ขโมยของใคร  ยกเว้นของผลไม้บนเขื่อนบรมธาตุ  แต่ไม่ได้หมายความว่า ถ้าเพื่อนลักมาแล้ว ผมจะไม่กินของมัน

ผมก็กินด้วยทุกครั้ง

ผมจะเป็นจิ๊กโก๋ที่ทำร้ายร่างกายจิ๊กโก๋ด้วยกันเท่านั้น  แต่เพื่อนๆ ที่รักหลายคน ขโมยก็เอา กระตุกทองก็เอา เรียกว่า เพื่อนๆ ที่รักของผมมีหลายระดับ แล้วแต่ความ “ใจถึง” ในประเด็นนั้นๆ

แต่อย่างไรก็ดี ข้อดีของจิ๊กโก๋เลวๆ ของพวกเรา หมายถึง ในหมู่บ้านของผม ก็คือ เราไม่ค่อยไปรุมใครโดยไม่มีทางสู้ ซึ่งก็เกิดจากข้อจำกัดก็คือ เรามีคนน้อย

ถ้าเปรียบเทียบกับจิ๊กโก๋ในตัวเมืองชัยนาท ไอ้พวกนั้น มันพวกเยอะ ชอบยกพวกไปรุมชาวบ้าน ซึ่งผมถือว่า เป็นที่น่ารังเกียจเป็นอย่างยิ่งในสายตาของผม

วันนี้จะเล่าถึง การตีหัวคนครั้งแรกในชีวิตของผม ตอนนั้นเพิ่งจบ ม.ศ. 3 แล้ว กำลังจะไปเรียนต่อ ป.กศ.ต้น ที่วิทยาลัยครูนครสวรรค์  อยู่ช่วงระหว่างปิดเทอม  ตอนนั้นอายุก็น่าจะประมาณ 16 ปี

ที่จะเล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใครเลย  ในชีวิตการเป็นเด็ก ผมชกต่อยกับเพื่อนมาตลอด 

เรียกว่า ถ้ากลับบ้านแล้ว มีขอบตาเขียวคล้ำที่เกิดจากการชกกัน แม่ผมถือว่าเป็นเรื่องปกติ จะไม่ซักถามว่าไปต่อยกับใครมา

เท่าที่จำได้แม่นสุดๆ  คือ การต่อยกับไอ้อ๊อดมินท์ (คุณสมชาย ศรไพบูลย์) เพื่อนตายของผมนี่แหละ

ตอนเป็นเด็กตัวเท่ากันเป๊ะ  แต่พอโตมา ไอ้อ๊อดมินท์มันหยุดโตที่ 150 ซ.ม.  ผมมาหยุดโตที่ 173 ซ.ม. ตอนเป็นเด็กผมกับไอ้อ๊อดมินท์นี่เท่ากันจริงๆ

หลักฐาน

วันหนึ่ง ผมกำลังดูการแสดงกล หรือการตีไก่ก็ไม่รู้ จำไม่ค่อยได้แล้วตอนนั้น  มาจำแม่นตอนหลังนี่ คือ ผมเห็นป้าเจือ แม่ของไอ้อ๊อดมินท์ แกด้อมๆ มองๆ แอบๆ มาแถวๆ ข้างหลังผม

ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะ ถ้าเป็นแม่ผม ผมก็จะเปิดแน่บไปแล้ว นี่เป็นแม่เพื่อน ในใจก็นึกว่า แกมาทำไมแถวนี้ 

มันก็อยู่ในตลาดนั่นแหละ แต่ป้าเจือไม่น่าจะมาแถวนี้

สักพักผมก็รู้ว่า แกมาทำไม  ก็ผมโดนแกหวดด้วยไม้เรียวเต็มที่  ผมกระโดดออกไปข้างหน้า แล้วหันกลับไปถามว่า “ป้า ตีผมทำไม”

ป๋าเจือแกเห็นว่าเป็นผม แกก็ตกใจ แล้วแกก็ขำ แกบอกว่า “กูนึกว่าไอ้อ๊อด”

ท่านผู้อ่านนึกดูก็แล้วกันว่า “ผมกับไอ้อ๊อดมินท์ ตอนเด็กเหมือนกันขนาดไหน”  ขนาดแม่มันตีผิดนั่นแหละ

กลับมาถึงเรื่อง ต่อยกับไอ้อ๊อด สาเหตุของการชกต่อยจำไม่ได้แล้ว  แต่เป็นการชกต่อยที่มาราธอนมาก ผมถึงจำได้  ผมต่อยกับไอ้อ๊อดที่หน้าประตูวัด ข้างๆ บ้านไอ้แก้ว ตั้งแต่ตอนเช้า จนถึงเพล


ตรงลูกศรสีแดงคือ สถานที่ที่ผมต่อยกับไอ้อ๊อดมินท์เป็นชั่วโมง ต่อยกันจนซี่โครงบานกันไปทั้งคู่  สีขาวๆ นั่นคือ กำแพงวัด  ต่อยกันหน้าประตูวัด

ส่วนสีเหลืองนั่นก็คือ สถานที่ที่ผมตีหัวคนอื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต  ส่วนในสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินนั้นคือ ประตูน้ำบรมธาตุที่ทำให้แคบลง เพื่อให้ประหยัดเวลาของเรือที่จะเข้าออก  การสร้างประตูน้ำใหม่นี้ เป็นสาเหตุให้ผมได้ตีหัวคน

ต่อยกันไป ปล้ำกันไป ผู้ใหญ่ที่ผ่านไปผ่านมาก็ไม่ยักห้าม ไม่มีใครห้าม ผมกับไอ้อ๊อดมินท์ก็ต่อยกันเป็นชั่วโมง จนถึงเพล ต้องยกเลิกสงคราม คือ ต่างคนต่างหิว กลับไปกินข้าวบ้านก่อน

ตอนนั้นอายุประมาณ 7-8 ขวบ เป็นการต่อยกันครั้งสุดท้ายสำหรับผมกับไอ้อ๊อดมินท์ จำได้ว่าหลังจากนั้น ผมกับมันไม่เคยชกต่อยกันอีกเลย  คงจะเข็ดด้วยกันทั้งคู่

ถ้าท่านผู้อ่านถามว่า ผมต่อยกับเพื่อนมากี่คน  ในหมู่บ้านของผม ในรุ่นเดียวกัน ผมก็ชกกับมันมาทุกคนนั่นแหละ

กลับมาถึงเรื่องตีหัวคน

ผมได้บอกไปแล้วว่า หมู่บ้านของผม เช่าที่ของวัดพระบรมธาตุ (วรวิหาร) อยู่  และอยู่ติดกับเขื่อนบรมธาตุ ซึ่งเป็นปากทางของแม่น้ำน้อย

ก็เลยขอบรรยาย ลักษณะภูมิประเทศของหมู่บ้านเดิมของผมซักเล็กน้อย และของประกาศไปเลยว่า หมู่บ้านเดิมของผมคือ “ตัวเมืองชัยนาทเก่า”  ซึ่งนักประวัติศาสตร์ส่วนกลางมักจะบอกว่า ตัวเมืองชัยนาทเก่าไม่รู้อยู่ที่ไหน

แต่คนในท้องที่ รู้ว่า อยู่ที่หมู่บ้านเดิมของผมนั่นเอง


จะเห็นว่า ตลาดบรมธาตุอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นฝั่งขวาของแม่น้ำ ทางด้านซ้ายมือ เป็นวัดพระบรมธาตุ ทางขวามือของตลาดเป็นเขื่อนบรมธาตุ

คำว่า “เขื่อนบรมธาตุ” นั้น ประกอบไปด้วย
  1. ประตูน้ำ เพื่อให้เรือเดินทางเข้าออก  
  2. ประตูระบายน้ำ ซึ่งเป็นปากทางของแม่น้ำน้อย สำหรับกั้นน้ำ-ระบายน้ำ  ตรงลูกศรสีเหลือง
  3. ส่วนลูกศรสีแดงนั้น ก็ที่ปล่อยน้ำเข้านาของชาวนา จะมีคลองคู่กับถนนไปตลอด จากบ้านผมก็ไปอำเภอสรรค์บุรี ไปจนถึงสิงห์บุรี ฯลฯ

เอาง่ายๆ ว่า ตรงนั้น มีเขื่อนอยู่ 3 เขื่อนด้วยกัน  ห่างไปทางใต้แม่น้ำอีกประมาณ 4 กิโลเมตร คือ เขื่อนเจ้าพระยา

ขอเสนอภาพอีก 1 ภาพ  เพื่อให้มองเห็นภาพโดยรวม


เขื่อนทั้งหลายนั้น เราสร้างบนดินนะครับ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว จึงขุดคลองเข้ามา  จากภาพด้านบนนั้น ตรงลูกศรสีแดง คือ ปากทางแม่น้ำน้อยเดิม  ตอนนี้สร้างถนนกั้นไปแล้ว 

จึงมีคลองสั้นๆ อยู่ เป็นที่อยู่ของตัวเงินตัวทองไปโดยปริยาย

ลูกศรสีเหลืองคือ ประตูน้ำที่ให้เรือเข้าออก  ลูกศรสีขาวก็แม่น้ำน้อย  ส่วนลูกศรสีน้ำเงินก็คือ คลองซอยที่ปล่อยน้ำเข้านา




2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ5 มีนาคม 2555 เวลา 14:45

    ดร.เกรียนจิ๊กโก๋

    ตอบลบ
  2. ไม่เห็นด้วย มันต้องเขียนว่า เกรียนจิ๊กโก๋กลายมาเป็นด็อกเตอร์

    ตอบลบ