บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ช่วยเด็กจมน้ำ[3]

บ้านเดิมของผมอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ในตลาดบรมธาตุ ซึ่งตั้งชื่อตามวัดพระบรมธาตุ (วรวิหาร) ตลาดบรมธาตุจะอยู่ระหว่างวัดกับประตูน้ำบรมธาตุ

การที่บ้านอยู่ริมแม่น้ำ พวกผมจึงเป็นเซียนว่ายน้ำ ดำน้ำ โดดน้ำมาตั้งแต่เป็นเด็ก

ครั้งที่ผมช่วยเด็กจมน้ำนั้น ผมไปเที่ยวที่น้ำตกเจ็ดสาวน้อย จังหวัดสระบุรี  ช่วงนั้น ผมพักอยู่ที่ชลประทาน สะพาน 7 จังหวัดลพบุรี และเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนบ้านเขาดิน อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี

น้ำตกเจ็ดสาวน้อย อยู่ในพื้นที่ "วนอุทยานน้ำตกเจ็ดสาวน้อยซึ่งจัดตั้งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2523 อยู่ในท้องที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ต่อมาจึงได้ผนวกรวมกับพื้นที่ป่าใกล้เคียง ตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย

น้ำตกเจ็ดสาวน้อยสามารถเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัยทุกชั้น ยกเว้นน้ำตกชั้นที่ 3 ซึ่งมีแอ่งน้ำลึกตรงหน้าแก่ง มักเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง น้ำตกชั้นที่สูงที่สุดและสวยที่สุดคือชั้นที่ 4 สูงราว 3 ม. มีแอ่งน้ำใหญ่กว้างขวางให้ลงเล่น ส่วนผู้ที่ชอบความสงบให้เดินต่อไปยังน้ำตกชั้นที่ 5-7 เพราะไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน แต่ชั้นที่ 6 และ 7 กระแสน้ำค่อนข้างแรง ไม่ควรลงเล่นน้ำ (http://www.siamfreestyle.com/travel-attraction/saraburi/น้ำตกเจ็ดสาวน้อย.html)

วันนั้นจำได้ว่า เพื่อนๆ ประมาณ 7-8 คน พากันเหมารถสองแถวไปเที่ยวกัน  ผมก็ยืมกล้องของเพื่อนครูที่โรงเรียนไปด้วย

เมื่อไปถึงแล้ว  พวกและผมก็ตั้งวงดื่มสุรากันริมน้ำตก


จากภาพด้านบน  ผมคิดว่า ผมตั้งวงเหล้าอยู่ถัดจากกิ่งแม้ด้านขวามือของรูป ซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในรูป

วงเหล้าของพวกเรา ตั้งเป็นวงกลม ผมอยู่ริมที่ไกลสุดของน้ำตก หันหน้าเข้าหาน้ำตก กล้องที่ยืมเพื่อนมาก็สะพายอยู่คอ เก็บภาพไปเรื่อยๆ

ทางขวามือของวงเหล้าของเรา มีครอบครัวคนจีนพากลูกหลานมาเที่ยวประมาณ 7-8 คน  ถ้าสงสัยว่า ทำไมผมถึงรู้ว่าเป็นครอบคราวคนจีน ก็แม่ผมเป็นคนจีน

ผมเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน  แต่ครึ่งไทยครึ่งจีน  มันก็เลยไม่ค่อยฮิตเหมือนครึ่งไทยครึ่งฝรั่ง

ทางซ้ายมือไม่มี เพราะ พวกเรานั่งติดกับต้นไม้ 

ตอนใกล้ที่จะเกิดเรื่อง ผมเห็นเด็ก 3 คน ของครอบครัวคนจีนทางด้านขวามือ เดินไปในกลางลำน้ำของน้ำตก  ไปเล่นกันไกลเลย

น้ำช่วงนั้น ไม่ลึก เด็กเดินไปได้  เด็ก 3 คน มีตัวอ้วนใหญ่ 1 คน เล็กๆ เท่าๆ กันอีก 2 คน

เด็ก 3 คนนั้น คงเล่นกันจนเบื่อแล้ว  จึงเดินกลับขึ้นฝั่ง

ดังได้บอกแล้วว่า ผมนั่งหันหน้าเข้าหาน้ำตก ผมจึงเห็นเหตุการณ์ตลอดเวลา  เด็กตัวเล็ก 2 คน เดินนำหน้า เด็กตัวอ้วนใหญ่ ขึ้นฝั่งไปนั่งกับครอบครัวเรียบร้อย

ไอ้อ้วนใหญ่เพิ่งอ้อยอิ่งเดินเข้ามา 

แล้วผมก็เห็นไอ้อ้วนใหญ่นั้น ผลุบลงไปน้ำ แล้วก็ทะลึ่งขึ้นมา บอกว่า “ช่วยด้วย”

ณ วินาทีนั้น ผมคิดในใจว่า ไอ้นี่แกล้วกวนญาติพี่น้อง เพราะ พวกเขาเดินไป 3 คน กลับเข้ามาแล้ว 2 คน  ทำไมไอ้คนตัวใหญ่กับเขาถึงจะมาจมน้ำได้

สักพัก ไอ้อ้วนใหญ่โผล่ขึ้นมาอีก ตะโกนว่า “ช่วยด้วย” อีก  คราวนี้ ผมเห็นหน้าไอ้อ้วนใหญ่เต็มที่  ตาของเขาตื่นตระหนก  มีอาการสำลักน้ำ

ผมอยู่กับน้ำมาตลอดชีวิตในวัยเด็ก คนสำลักน้ำ คนตกใจเพราะตกน้ำนี่ มองแว่บเดียวก็รู้  ที่ไอ้อ้วนใหญ่ร้องคราวแรกยังมองไม่ถนัด

ตอนนั้น ผมสะพายกล้องถ่ายรูป Pentax ของเพื่อนอยู่ และผมนั่งอยู่ต้องข้ามวงเหล้าของเพื่อนผมไป 

ผมจึงลุกขึ้น เอากล้องออกวาง  ก้าวขาเลี่ยงวงเหล้าของผม แล้วพุ่งหลาวไปหาไอ้อ้วนใหญ่นั้น

เรื่องการดำน้ำนี่ ผมโคตรเซียนอยู่แล้ว คราวที่เล่นแอ้ดสะไพน้ำ  ไอ้เบิ้มเพื่อนผม มันหนีไปยืนอยู่บนเรือที่คว่ำอยู่  ผมยังดำเงียบๆ ไกลๆ อ้อมไปด้านหลังมัน

โผล่จากน้ำไป “ป็อก” มันมาแล้ว  ผมพุ่งหลาวทีเดียวก็ถึงไอ้อ้วนใหญ่ของผม

ผมไปถึง ผมรวบผมไอ้อ้วนใหญ่ก่อนเลย เพราะ กะว่าจะดึงผมของเขาขึ้นมา  ปรากฏว่า ไอ้อ้วนใหญ่ของผม ท่านตัดผมเกรียนติดหนังหัวเลย  คว้าได้กระบาลของคุณอ้วนใหญ่

ในใจผมนึกว่า “ เอายังไงดีวะ”

ผมก็ว่า ผมนี่ฉลาดเหมือนกัน  ตอนนั้นเรื่องกลั้นลมหายใจ ไม่ต้องเป็นห่วง  ถึงไม่ได้เล่นน้ำแบบตอนเด็กๆ มานานแล้ว แต่ประสบการณ์เหลือเฝือ

ผมดำน้ำลึกลงไปอีก  ผมถึงรู้ว่า ทำไมไอ้อ้วนใหญ่ของผม ถึงจมน้ำ  ตรงนั้นมีร่องน้ำลึกมากอยู่ด้วย  ร่องน้ำไม่กว้างนัก

เดินมั่ง ลอยตัวมั่ง ก็พ้นร่องน้ำนั้นไปได้  ขากลับของไอ้อ้วนใหญ่ถึงคราวซวยพอดี จึงก้าวขาตกไปในร่องน้ำนั้น

ความคิดของผมแว่บขึ้นมา  น้ำไม่ลึกนัก  ผมสูง 173 เซนติเมตร ถ้าผมแบกคุณอ้วนใหญ่ของผม  หัวของพี่ท่านจะต้องพ้นน้ำแน่ๆ

ผมเลยเอาไหล่ของผม ดันก้นคุณอ้วนใหญ่ของผม  แล้วก็เดินขึ้นฝั่งมา  พอพ้นร่องน้ำลึก ผมก็เอาพี่อ้วนของผมออกจากไหล่

แล้วก็เดินพาไปส่งที่ครอบครัวของเขา

ก่อนจาก ผมเขกกะบาลพี่อ้วนของผมไปทีหนึ่ง  ผมบอกว่า หนหลังเล่นน้ำดีๆ หน่อย

เหตุการณ์ครั้งนั้น ผมภูมิใจในตัวเองมาก  ที่ภูมิใจเป็นอันดับหนึ่งก็คือ ไหวพริบ ความว่องไวเป็นเลิศ

ผมวางกล้องไว้ก่อน กล้องก็ไม่จมน้ำ ผมไม่วิ่งผ่าวงเหล้าให้เพื่อนของผมแตกตื่น หรือเหยียบแก้วเหล้าให้บาดฝ่าเท้า

ผมคว้าผมของพี่อ้วนไม่ได้ ผมก็ดำลงไป เอาพี่อ้วนนั่งบนไหล่ให้หัวพ้นน้ำไว้ก่อน

เรื่องช่วยพี่อ้วนให้รอดตายนั้น ยังภูมิใจเป็นอันดับสอง

ที่ผมมาคิดในภายหลังก็คือ  ไม่มีครอบครัวของไอ้อ้วนใหญ่ของผม โดดลงไปช่วยเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนยืนรออยู่ริมฝั่งของน้ำตก

ปล่อยให้ผมเป็นพระเอกอยู่คนเดียว 

ผมสงสัยว่า พวกนั้นว่ายไม่เป็นกันซักคน  หรือพอเห็นว่า มีคนโดดไปช่วยแล้ว  ก็ปล่อยให้เป็นภาระของคนโดดไปเลย




2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 กรกฎาคม 2557 เวลา 21:09

    เห็นแก่ตัวน่ะสิขนาดลูกหลานมันเองยังไม่ช่วย

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ11 ธันวาคม 2557 เวลา 19:15

    เยี่ยมคับ

    ตอบลบ